Log in or Sign up
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
RacingWeb Community
>
Motorsport Forum
>
Formula 1
>
ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับรถ Formula 1
>
Reply to Thread
Name:
Verification:
Please enable JavaScript to continue.
Loading...
Message:
<p>[QUOTE="TUMKUNG_naraka, post: 769465, member: 31393"]<font size="4"><b>กฏและข้อบังคับต่างๆของ FIA ว่าด้วยเรื่องของการแข่งขัน</b></font></p><p><br /></p><p>กฏและข้อบังคับต่างๆของ FIA ว่าด้วยเรื่องของการแข่งขัน</p><p><br /></p><p>เพื่อให้การแข่งขันเอฟวันในปี 2005 สมบูรณ์แบบ และ มีความสนุกสนานสำหรับการชมมากขึ้น FIA หรือ สมาพันธ์รถแข่งนานาๆชาติที่ดูแล และ รับรองกีฬาชนิดนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงในข้อบังคับ และ กติกาบางอย่างดังนี้</p><p><br /></p><p>1.รอบคัดเลือก (Qualifying) </p><p><br /></p><p>ศึกเอฟวันปีนี้ จะทำการแข่งขันรอบคัดเลือกในแต่ละสนามเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้นคือช่วงบ่ายวันเสาร์ และ เช้าวันอาทิตย์ ก่อนหน้าการแข่งขันจริง</p><p><br /></p><p>ในรอบคัดเลือกรอบแรกวันเสาร์นั้น จะทำการแข่งขันกันในเวลา 13.00-14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งไม่ต่างจากที่ปฏิบัติกันมาในปี 2004 โดยนักแข่งแต่ละคนจะนำรถลงวิ่งทดสอบเพื่อทำเวลาได้เพียงแค่ 1 รอบสนามเท่านั้น โดยจะเรียงลำดับรถออกสตาร์ทจากผลการแข่งขันในสนามก่อนหน้านี้ กล่าวคือรถที่ได้แชมป์ จะวิ่งทดสอบเป็นคันสุดท้าย ฯลฯ</p><p><br /></p><p>สำหรับรอบคัดเลือกรอบสอง ในเช้าวันอาทิตย์ จะทำการแข่งขันกันในเวลาประมาณ 10.00-11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งยังจะให้นักแข่งแต่ละคนนำรถลงวิ่งเพียงแค่รอบเดียวเหมือนวันเสาร์ แต่ลำดับในการวิ่งจะสลับกันโดยให้คนที่ทำเวลาไว้แย่ที่สุดในวันเสาร์ได้ลงทดสอบก่อน</p><p><br /></p><p>ในรอบคัดเลือกวันเสาร์นั้น รถแต่ละคันจะสามารถเติมน้ำมันเชื้อเพลิงได้ไม่จำกัด อย่างไรก็ดีเมื่อเข้าสู่วันอาทิตย์แล้ว ทีมแข่งจะต้องคำนวณ และ กะน้ำมันที่จะใช้ทั้งในการทดสอบรอบสอง และ ในการออกสตาร์ทการแข่งขันจริงไว้เป็นอย่างดี เพราะทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันจะไม่อนุญาตให้มีการเติมน้ำมันเพิ่มเติมได้อีกจนกระทั่งการแข่งขันจริงได้เริ่มต้นไปแล้ว</p><p><br /></p><p>เวลาที่ทำได้ในรอบคัดเลือกจะนำมารวมกันและใช้ในการจัดลำดับการออกสตาร์ทในการแข่งขันจริง นักแข่งผู้ที่ทำเวลารวมได้ต่ำที่สุดจะได้ออกสตาร์ทในตำแหน่งหัวแถว หรือ โพล โพซิชั่น</p><p><br /></p><p>2.ยาง (Tyres)</p><p>เรื่องของยาง กลายเป็นเป้าแห่งความสนใจของทีมแข่งแต่ละทีมในปีนี้ เนื่องจากในกฏกติกาใหม่ของปี 2005 ทาง FIA ได้ระบุว่ารถแต่ละคันจะต้องใช้ยางเพียงชุดเดียวเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นในรอบคัดเลือก หรือ การแข่งขันจริง อย่างไรก็ดีหากเกิดเหตุสุดวิสัยจริงๆเช่นยางระเบิด หรือ เกิดความเสียหายจนอาจเป็นอันตราย ทางคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ก็อาจพิจารณาให้สามารถเปลี่ยนยางชุดใหม่ได้</p><p><br /></p><p>รายละเอียดในเรื่องของยางไม่ได้หมดเพียงแค่นี้ เพราะในวันศุกร์ 2 วันก่อนหน้าการแข่งขันจริง นักแข่งแต่ละคน จะสามารถนำรถลงวิ่งซ้อมเพื่อจะทำการตัดสินใจว่าจะเลือกยางชนิดไหน (โดยปกติจะใช้ยางแบบแห้งกัน ซึ่งเปอร์เซนต์ส่วนผสมของเนื้อยางแต่ละชุดอาจจะถูกกำหนด หรือ ผลิตขึ้นมาให้แตกต่างกัน) สำหรับการวิ่งรอบคัดเลือก และ แข่งขันจริงได้ ซึ่งหากเลือกยางชนิดหนึ่งแล้ว จะไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้อีก สรุปก็คือ ตลอดการซ้อม,คัดเลือก และ การแข่งขันจริง นักแข่งจะต้องเลือกยางไว้ล่วงหน้า 3 ชุดด้วย ชุดแรกจะใช้สำหรับการซ้อมในวันศุกร์ ชุดที่สองซึ่งอาจจะเหมือน หรือ ต่างจากชุดแรก จะใช้สำหรับรอบคัดเลือก และ ชุดสุดท้ายเปรียบได้กับยางอะไหล่ ซึ่งจะถูกกันไว้สำหรับกรณีที่ต้องมีการเปลี่ยนยางแบบปัจจุบันทันด่วน</p><p><br /></p><p>ทั้งนี้นักแข่งอาจจะใช้ยางเปียก หรือ ยางสำหรับสภาพอากาศที่อาจเลวร้ายสุดๆได้ แต่จะต้องได้รับการเห็นชอบของคณะกรรมการจัดการแข่งขันเสียก่อน </p><p><br /></p><p>3.เครื่องยนต์ (Engines)</p><p>ในปี 2005 นั้น FIA ดูจะผ่อนปรนในเรื่องของเครื่องยนต์มากขึ้น กล่าวคือในปี 2004 เครื่องยนต์หนึ่งเครื่องเท่านั้นจะถูกนำมาใช้สำหรับต่อนักแข่งหนึ่งคน และ ต่อรถหนึ่งคัน อย่างไรก็ดีในปีนี้ FIA ได้อนุญาตให้เพิ่มเครื่องยนต์ได้เป็น 2 เครื่องสำหรับการแข่งขัน โดยมีการกำหนดไว้ว่าเครื่องยนต์ทั้ง 2 จะต้องสามารถใช้สำหรับการวิ่งระยะ 1,500 กิโลเมตรได้ </p><p><br /></p><p>หากนักแข่งคนใด ต้องการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ก่อนหน้าลงวิ่งในรอบคัดเลือก นักแข่งคนนั้นจะต้องแลกกับการออกสตาร์ทต่ำกว่าอันดับที่ควรจะเป็น 10 อันดับด้วยกัน และหากมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนเครื่องระหว่างหลังวิ่งในรอบคัดเลือกรอบแรกไปแล้ว นักแข่งคนนั้นจะต้องแลกด้วยการถูกให้ออกสตาร์ทในการแข่งขันจริงในอันดับท้ายสุดแทน</p><p><br /></p><p>ทั้งนี้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อยว่าการเข้มงวดในเรื่องเครื่องยนต์ของ FIA ทำให้ทีมแข่งแต่ละทีมไม่สามารถจะเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องความแรงของเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มที่</p><p><br /></p><p>4.ระบบพลศาสตร์ (Aerodynamics)</p><p>การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดต่างๆเกี่ยวกับระบบพลศาสตร์ ถูกมองว่าเป็นการช่วยลดค่าดาวน์ฟอร์ซของรถแต่ละคันให้ลดน้อยลง รถแข่งในปี 2005 อาจดูมีรูปโฉมที่แปลกออกไปจากเดิมเล็กน้อยเช่น จมูกที่สูงขึ้น, ปีกหน้าที่ทำองศามากขึ้น ฯลฯ</p><p><br /></p><p>มีการคำนวณตัวเลขของค่าดาวน์ฟอร์ซว่าจะลดลงโดยเฉลี่ยจากปี 2004 ที่ตัวเลข 25 เปอร์เซ็นต์ และนั่นทำให้ทีมออกแบบของทีมแข่งแต่ละทีมต้องทำงานกันด้วยความพิถีพิถันมากขึ้น รวมทั้งตัวนักแข่งแต่ละคนด้วย ที่อาจจะทำเวลาเฉลี่ยต่อรอบช้าไปกว่าเดิม และ ต้องใช้เทคนิคในการควบคุมรถมากกว่าที่ผ่านๆมา</p><p><br /></p><p>การจัดเก็บรถในการแข่งขัน (Car Livery)</p><p><br /></p><p>ในการแข่งขันตลอดทั้ง 3 วัน ทีมแข่งแต่ละทีมจะไม่สามารถปรับแต่งตัวรถเพิ่มเติมได้ เว้นแต่จะได้รับการยินยอมจากฝ่ายคณะกรรมการแข่งขัน โดยรถแข่งทั้ง 2 คันจะถูกจัดเก็บไว้รวมกัน ขณะที่รถคันที่ 3 ที่ใช้การซ้อมวันศุกร์ จะถูกแยกเก็บไว้อีกที่หนึ่ง</p><p><br /></p><p>ทั้งนี้รถแข่งแต่ละคันจะต้องติดสติ๊กเกอร์เบอร์ของนักแข่งแต่ละคนให้ตรง และ เรียบร้อย โดยจะต้องอยู่ในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจนเมื่อมองจากด้านหน้าของตัวรถ ขณะเดียวกันชื่อของนักแข่งจะต้องมีติดไว้ทั้งบนหมวกกันน็อก และ บริเวณด้านข้างของค็อกพิต นอกจากนี้สัญลักษณ์ หรือ เครื่องหมายของทีมแข่งต่างๆจะต้องถูกติดไว้อย่างชัดเจนบริเวณจมูกด้านหน้าของรถ</p><p><br /></p><p>เนื่องจากทีมแต่ละทีมจะมีรถ 2 คันสำหรับการแข่งขัน เพื่อให้เกิดความแตกต่าง และ จดจำได้ง่าย มีการกำหนดว่าจะต้องมีการใช้สีบริเวณตัวกล้องที่ติดบนตัวรถให้แตกต่างกัน โดยกล้องที่ติดกับรถคันแรกจะต้องพ่น หรือ ทาด้วยสีแดงสะท้อนแสง ส่วนคันที่สองนั้นจะปล่อยไว้เป็นสีปกติของตัวรถตามที่แจ้งมา ขณะที่รถคันที่สาม หากมีจะต้องพ่น หรือ ทาด้วยสีเหลืองสะท้อนแสง</p><p><br /></p><p>การจัดอันดับในการแข่งขัน (Classification)</p><p><br /></p><p>คำถามที่มักได้ยินกันบ่อยๆเกี่ยวกับเรื่องของอันดับของนักแข่งแต่ละคนที่ทำได้ในการแข่งขันแต่ละรายการ ทั้งพวกที่แข่งจนจบซึ่งไม่มีปัญหาอะไร หรือ พวกที่ต้องออกจากการแข่งขันกลางคันนั้น มีเขียนไว้อย่างชัดเจนในกติกาของ FIA ซึ่งพอจะสรุปได้คร่าวๆดังนี้ก็คือ หากนักแข่งคนใดสามารถนำรถวิ่งได้มากกว่า หรือ เท่ากับ 90 เปอร์เซนต์ของจำนวนรอบของการแข่งขันที่กำหนด นักแข่งรายนั้นๆก็จะได้รับการจัดอันดับในการแข่งขัน </p><p><br /></p><p>แต่ก็มีบางกรณีที่ควรศึกษาไว้ก็คือ หากในการแข่งขันรายการใดถูกยกเลิก หรือ ถูกระงับกลางคัน อันดับของนักแข่งแต่ละคนจะพิจารณาจากอันดับที่ทำได้ 2 รอบก่อนหน้ารอบที่การแข่งขันจะถูกยกเลิกไป ยกตัวอย่างก็คือ หากการแข่งขันมีเหตุให้ต้องยุติลงในรอบที่ 60 อันดับของนักแข่งนั้นจะตัดสินกันโดยดูจากอันดับที่ทำได้ในรอบที่ 58 หรือ 2 รอบก่อนหน้านั่นเอง</p><p><br /></p><p>การทำโทษนักแข่งที่ฝ่าฝืนกติกา (Driver Penalties)</p><p><br /></p><p>เจ้าหน้าที่สนาม มีอำนาจในการจะกำหนดโทษให้กับนักแข่งรายใดก็ตาม ที่ละเมิด หรือ ทำผิดกติกาที่ระบุไว้ การละเมิดกติกานั้น ยกตัวอย่างเช่น การจัมพ์สตาร์ท, การจงใจให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น หรือ จะเป็นการบล็อก การขีดขวางไม่ให้รถคันอื่นแซงขึ้นหน้าไปได้อย่างไม่แฟร์, การใช้ความเร็วในพิตเกินกว่าที่กำหนดไว้ ฯลฯ</p><p><br /></p><p>ส่วนใหญ่การลงโทษที่เราคุ้นกันดีก็คือ drive-through และ ten-second โดยโทษของ drive-through นั้นนักแข่งที่ถูกลงโทษ จะต้องนำรถเข้าพิตเหมือนเวลาที่ต้องการเปลี่ยนยาง หรือ เติมเชื้อเพลิงปกติ ทว่าเมื่อเข้าพิตแล้ว จะห้ามหยุดรถ และต้องใช้ความเร็วในพิตได้ไม่เกินที่กำหนด ซึ่งหากในสนามไหน ช่วงความยาวของพิตเลนมีมาก นักแข่งที่ถูกลงโทษด้วย drive-through ก็จะเสียเวลาอย่างไม่ควรจะเป็น และอาจส่งผลถึงการทำอันดับในการแข่งขันสนามนั้นๆด้วย</p><p><br /></p><p>ส่วน ten-second นั้น บางครั้งอาจถูกเรียกอีกอย่างหนึ่งได้ว่า stop-go ถือเป็นบทลงโทษที่สร้างความเสียหายให้กับนักแข่งที่ทำผิดกติกาได้มากกว่าโทษแบบ drive-through กล่าวคือ นอกจากจะต้องนำรถเข้าพิตซึ่งเสียเวลาไปหลายวินาทีแล้ว นักแข่งที่ถูกทำโทษจะต้องจอดรถสนิท หรือ หยุดนิ่งเพิ่มอีก 10 วินาที ก่อนที่จะได้รับการอนุญาตให้กลับสู่สนามได้ ซึ่งในช่วงที่รถต้องหยุดนิ่งในพิตนี้ ก็ห้ามไม่ให้มีการปรับแต่ง หรือ เพิ่มเติมใดๆกับรถทั้งสิ้น</p><p><br /></p><p>ใช่ว่าจะมีแต่โทษเบาๆสำหรับการขู่ หรือ ปรามนักแข่งที่ทำผิดกติกา โทษหนักๆเช่น การปรับอันดับลง 10 อันดับสำหรับการออกสตาร์ทในการแข่งขันสนามถัดไป (ยกตัวอย่างเช่น หากในสนามถัดไป นักแข่งที่ถูกทำโทษแม้จะทำเวลาในรอบคัดเลือกด้วยการคว้าโพล โพซิชั่น แต่ก็ต้องไปออกสตาร์ทในอันดับ 11 จากกริดในการแข่งขันจริง) ก็อยู่ในขอบเขตที่เจ้าหน้าที่สนามสามารถนำมาใช้ได้เช่นกัน </p><p><br /></p><p>คณะกรรมการจัดการแข่งขัน (Officials)</p><p><br /></p><p>ในการประชุม หรือ หารือสำหรับการแข่งขันแต่ละรายการนั้น จะต้องประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่างน้อย 6 รายด้วยกัน โดยเจ้าหน้าที่ดังกล่าวนี้จะทำหน้าที่ตรวจสอบ และ ควบคุมการปฏิบัติงานต่างๆของเจ้าหน้าที่สนามอีกทอดหนึ่ง เพื่อรับประกันว่าการแข่งขันจะปราศจากเหตุร้าย หรือ อันตรายใดๆขึ้นในช่วงที่มีการแข่งขัน และเพื่อเป็นไปตามข้อบังคับของทาง FIA</p><p><br /></p><p>จากจำนวน 6 คนของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในคณะกรรมการจัดการแข่งขันนั้น จะมี 4 คนด้วยกันที่ทาง FIA กำหนด หรือ มอบหมายด้วยตัวเอง ขณะที่อีก 2 รายนั้น จะต้องมีใบอนุญาตจาก FIA ที่เรียกว่า ซูเปอร์ไลเซนซ์ (super licence) และยังต้องไม่ใช่ผู้ที่มีสัญชาติเหมือนกับสนามที่จัดการแข่งขันในชาตินั้นๆอีกด้วย</p><p><br /></p><p>การทำงานของคณะกรรมการจัดการแข่งขันจะมีขอบเขต และ บทบาทของตัวเองที่ชัดเจน โดยจะต้องทำงานประสานกับตัวแทนด้านเทคนิคของ FIA ที่เวลานี้ก็คือนาย Jo Bauer </p><p><br /></p><p>Parc Ferme</p><p><br /></p><p>ตามข้อบังคับของ FIA นั้น รถทุกแข่งที่ลงทดสอบในรอบคัดเลือกวันเสาร์ จะต้องนำมาเก็บไว้ที่ Parc Ferme เหมือนกันหมด เช่นเดียวกับเมื่อจบการแข่งขันในวันจริง หรือ ในรอบชิงชนะเลิศ โดย Parc Ferme นี้ คือสถานที่มิดชิด และ มีความปลอดภัยสูงมาก เป็นที่ซึ่งรถทุกคันจะถูกนำมาตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามีการทำผิดกติกาใดๆหรือไม่</p><p><br /></p><p>ในขณะที่รถทุกคันถูกนำมาเก็บไว้ที่ Parc Ferme นี้ FIA จะให้ทีมแข่งแต่ละทีม ส่งเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง มานำรถออกไปได้เพื่อทำการแข่งขัน หรือ นำไปซ่อมแซมปรับปรุงเพิ่มเติม แต่จะต้องได้รับการอนุญาตเสียก่อนจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคของ FIA </p><p><br /></p><p>รถแข่งแต่ละคันสามารถเติมเชื้อเพลิงได้ แต่ต้องเติมให้เรียบร้อยก่อนหน้าที่รอบคัดเลือกตอนเช้าของวันอาทิตย์จะเริ่มขึ้น การปรับแต่งอุปกรณ์บนตัวรถเล็กน้อยอย่างเช่น การปรับปีกหน้า ถือว่าไม่เป็นการผิดกติกา</p><p><br /></p><p>การเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆกับตัวรถ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดการแข่งขันก่อน เช่น สภาพอากาศเปลี่ยนจากร้อน หรือ แห้งปกติ เป็นมีฝนตก หรือกลับกัน เปลี่ยนจากมีฝนตก เป็น แห้งปกติ </p><p><br /></p><p>นอกจากนี้ยังมีการระบุไว้ในข้อบังคับอีกด้วยว่า รถคันใดที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ไม่ว่าจะเป็นในรอบคัดเลือก หรือ ในการแข่งขันจริง นักแข่ง และ รถคันดังกล่าว จะได้รับการอนุญาตให้กลับไปแข่งขันต่อได้ แต่จะถูกปรับให้ไปออกสตาร์ทที่ท้ายแถวแทน </p><p><br /></p><p>คะแนน (Points)</p><p><br /></p><p>นักแข่งที่จบการแข่งขัน 8 อันดับแรกในแต่ละกรังปรีซ์ หรือ แต่ละสนามแข่ง จะได้รับคะแนนเพื่อการนำไปคำนวณตำแหน่งแชมป์โลกในประเภทนักแข่ง และ ทีมผู้ผลิตดังนี้</p><p><br /></p><p>อันดับ 1: 10 คะแนน</p><p>อันดับ 2: 8 คะแนน</p><p>อันดับ 3: 6 คะแนน</p><p>อันดับ 4: 5 คะแนน</p><p>อันดับ 5: 4 คะแนน</p><p>อันดับ 6: 3 คะแนน</p><p>อันดับ 7: 2 คะแนน</p><p>อันดับ 8: 1 คะแนน</p><p><br /></p><p>ทั้งนี้หากการแข่งขันในรายการใดที่มีเหตุให้ต้องจบ หรือ ยกเลิกการแข่งขันโดยที่ยังไม่ถึง 75 เปอร์เซนต์ของจำนวนรอบทั้งหมด นักแข่งที่ติดอยู่ในอันดับ 1-8 จะได้รับคะแนนเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของคะแนนปกติเท่านั้น</p><p><br /></p><p>นักแข่งที่ทำคะแนนสะสมได้มากที่สุดตลอดทั้งฤดูกาล จะได้รับตำแหน่งแชมป์โลกไปครอง หลักการเดียวกันสำหรับทีมผู้ผลิต หากทีมใดได้คะแนนสะสมมากที่สุด ก็จะได้แชมป์ในประเภททีม</p><p><br /></p><p>หากกรณีที่นักแข่ง หรือ ทีมแข่ง ทำคะแนนได้เท่ากัน ตำแหน่งแชมป์โลกจะตกเป็นของนักแข่ง หรือ ทีม ที่ทำสถิติคว้าแชมป์ในรายการต่างๆ นักแข่ง หรือ ทีมแข่งใด คว้าแชมป์ได้มาก ก็จะได้แชมป์ไปครอง[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="TUMKUNG_naraka, post: 769465, member: 31393"][SIZE="4"][B]กฏและข้อบังคับต่างๆของ FIA ว่าด้วยเรื่องของการแข่งขัน[/B][/SIZE] กฏและข้อบังคับต่างๆของ FIA ว่าด้วยเรื่องของการแข่งขัน เพื่อให้การแข่งขันเอฟวันในปี 2005 สมบูรณ์แบบ และ มีความสนุกสนานสำหรับการชมมากขึ้น FIA หรือ สมาพันธ์รถแข่งนานาๆชาติที่ดูแล และ รับรองกีฬาชนิดนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงในข้อบังคับ และ กติกาบางอย่างดังนี้ 1.รอบคัดเลือก (Qualifying) ศึกเอฟวันปีนี้ จะทำการแข่งขันรอบคัดเลือกในแต่ละสนามเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้นคือช่วงบ่ายวันเสาร์ และ เช้าวันอาทิตย์ ก่อนหน้าการแข่งขันจริง ในรอบคัดเลือกรอบแรกวันเสาร์นั้น จะทำการแข่งขันกันในเวลา 13.00-14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งไม่ต่างจากที่ปฏิบัติกันมาในปี 2004 โดยนักแข่งแต่ละคนจะนำรถลงวิ่งทดสอบเพื่อทำเวลาได้เพียงแค่ 1 รอบสนามเท่านั้น โดยจะเรียงลำดับรถออกสตาร์ทจากผลการแข่งขันในสนามก่อนหน้านี้ กล่าวคือรถที่ได้แชมป์ จะวิ่งทดสอบเป็นคันสุดท้าย ฯลฯ สำหรับรอบคัดเลือกรอบสอง ในเช้าวันอาทิตย์ จะทำการแข่งขันกันในเวลาประมาณ 10.00-11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งยังจะให้นักแข่งแต่ละคนนำรถลงวิ่งเพียงแค่รอบเดียวเหมือนวันเสาร์ แต่ลำดับในการวิ่งจะสลับกันโดยให้คนที่ทำเวลาไว้แย่ที่สุดในวันเสาร์ได้ลงทดสอบก่อน ในรอบคัดเลือกวันเสาร์นั้น รถแต่ละคันจะสามารถเติมน้ำมันเชื้อเพลิงได้ไม่จำกัด อย่างไรก็ดีเมื่อเข้าสู่วันอาทิตย์แล้ว ทีมแข่งจะต้องคำนวณ และ กะน้ำมันที่จะใช้ทั้งในการทดสอบรอบสอง และ ในการออกสตาร์ทการแข่งขันจริงไว้เป็นอย่างดี เพราะทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันจะไม่อนุญาตให้มีการเติมน้ำมันเพิ่มเติมได้อีกจนกระทั่งการแข่งขันจริงได้เริ่มต้นไปแล้ว เวลาที่ทำได้ในรอบคัดเลือกจะนำมารวมกันและใช้ในการจัดลำดับการออกสตาร์ทในการแข่งขันจริง นักแข่งผู้ที่ทำเวลารวมได้ต่ำที่สุดจะได้ออกสตาร์ทในตำแหน่งหัวแถว หรือ โพล โพซิชั่น 2.ยาง (Tyres) เรื่องของยาง กลายเป็นเป้าแห่งความสนใจของทีมแข่งแต่ละทีมในปีนี้ เนื่องจากในกฏกติกาใหม่ของปี 2005 ทาง FIA ได้ระบุว่ารถแต่ละคันจะต้องใช้ยางเพียงชุดเดียวเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นในรอบคัดเลือก หรือ การแข่งขันจริง อย่างไรก็ดีหากเกิดเหตุสุดวิสัยจริงๆเช่นยางระเบิด หรือ เกิดความเสียหายจนอาจเป็นอันตราย ทางคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ก็อาจพิจารณาให้สามารถเปลี่ยนยางชุดใหม่ได้ รายละเอียดในเรื่องของยางไม่ได้หมดเพียงแค่นี้ เพราะในวันศุกร์ 2 วันก่อนหน้าการแข่งขันจริง นักแข่งแต่ละคน จะสามารถนำรถลงวิ่งซ้อมเพื่อจะทำการตัดสินใจว่าจะเลือกยางชนิดไหน (โดยปกติจะใช้ยางแบบแห้งกัน ซึ่งเปอร์เซนต์ส่วนผสมของเนื้อยางแต่ละชุดอาจจะถูกกำหนด หรือ ผลิตขึ้นมาให้แตกต่างกัน) สำหรับการวิ่งรอบคัดเลือก และ แข่งขันจริงได้ ซึ่งหากเลือกยางชนิดหนึ่งแล้ว จะไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้อีก สรุปก็คือ ตลอดการซ้อม,คัดเลือก และ การแข่งขันจริง นักแข่งจะต้องเลือกยางไว้ล่วงหน้า 3 ชุดด้วย ชุดแรกจะใช้สำหรับการซ้อมในวันศุกร์ ชุดที่สองซึ่งอาจจะเหมือน หรือ ต่างจากชุดแรก จะใช้สำหรับรอบคัดเลือก และ ชุดสุดท้ายเปรียบได้กับยางอะไหล่ ซึ่งจะถูกกันไว้สำหรับกรณีที่ต้องมีการเปลี่ยนยางแบบปัจจุบันทันด่วน ทั้งนี้นักแข่งอาจจะใช้ยางเปียก หรือ ยางสำหรับสภาพอากาศที่อาจเลวร้ายสุดๆได้ แต่จะต้องได้รับการเห็นชอบของคณะกรรมการจัดการแข่งขันเสียก่อน 3.เครื่องยนต์ (Engines) ในปี 2005 นั้น FIA ดูจะผ่อนปรนในเรื่องของเครื่องยนต์มากขึ้น กล่าวคือในปี 2004 เครื่องยนต์หนึ่งเครื่องเท่านั้นจะถูกนำมาใช้สำหรับต่อนักแข่งหนึ่งคน และ ต่อรถหนึ่งคัน อย่างไรก็ดีในปีนี้ FIA ได้อนุญาตให้เพิ่มเครื่องยนต์ได้เป็น 2 เครื่องสำหรับการแข่งขัน โดยมีการกำหนดไว้ว่าเครื่องยนต์ทั้ง 2 จะต้องสามารถใช้สำหรับการวิ่งระยะ 1,500 กิโลเมตรได้ หากนักแข่งคนใด ต้องการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ก่อนหน้าลงวิ่งในรอบคัดเลือก นักแข่งคนนั้นจะต้องแลกกับการออกสตาร์ทต่ำกว่าอันดับที่ควรจะเป็น 10 อันดับด้วยกัน และหากมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนเครื่องระหว่างหลังวิ่งในรอบคัดเลือกรอบแรกไปแล้ว นักแข่งคนนั้นจะต้องแลกด้วยการถูกให้ออกสตาร์ทในการแข่งขันจริงในอันดับท้ายสุดแทน ทั้งนี้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อยว่าการเข้มงวดในเรื่องเครื่องยนต์ของ FIA ทำให้ทีมแข่งแต่ละทีมไม่สามารถจะเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องความแรงของเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มที่ 4.ระบบพลศาสตร์ (Aerodynamics) การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดต่างๆเกี่ยวกับระบบพลศาสตร์ ถูกมองว่าเป็นการช่วยลดค่าดาวน์ฟอร์ซของรถแต่ละคันให้ลดน้อยลง รถแข่งในปี 2005 อาจดูมีรูปโฉมที่แปลกออกไปจากเดิมเล็กน้อยเช่น จมูกที่สูงขึ้น, ปีกหน้าที่ทำองศามากขึ้น ฯลฯ มีการคำนวณตัวเลขของค่าดาวน์ฟอร์ซว่าจะลดลงโดยเฉลี่ยจากปี 2004 ที่ตัวเลข 25 เปอร์เซ็นต์ และนั่นทำให้ทีมออกแบบของทีมแข่งแต่ละทีมต้องทำงานกันด้วยความพิถีพิถันมากขึ้น รวมทั้งตัวนักแข่งแต่ละคนด้วย ที่อาจจะทำเวลาเฉลี่ยต่อรอบช้าไปกว่าเดิม และ ต้องใช้เทคนิคในการควบคุมรถมากกว่าที่ผ่านๆมา การจัดเก็บรถในการแข่งขัน (Car Livery) ในการแข่งขันตลอดทั้ง 3 วัน ทีมแข่งแต่ละทีมจะไม่สามารถปรับแต่งตัวรถเพิ่มเติมได้ เว้นแต่จะได้รับการยินยอมจากฝ่ายคณะกรรมการแข่งขัน โดยรถแข่งทั้ง 2 คันจะถูกจัดเก็บไว้รวมกัน ขณะที่รถคันที่ 3 ที่ใช้การซ้อมวันศุกร์ จะถูกแยกเก็บไว้อีกที่หนึ่ง ทั้งนี้รถแข่งแต่ละคันจะต้องติดสติ๊กเกอร์เบอร์ของนักแข่งแต่ละคนให้ตรง และ เรียบร้อย โดยจะต้องอยู่ในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจนเมื่อมองจากด้านหน้าของตัวรถ ขณะเดียวกันชื่อของนักแข่งจะต้องมีติดไว้ทั้งบนหมวกกันน็อก และ บริเวณด้านข้างของค็อกพิต นอกจากนี้สัญลักษณ์ หรือ เครื่องหมายของทีมแข่งต่างๆจะต้องถูกติดไว้อย่างชัดเจนบริเวณจมูกด้านหน้าของรถ เนื่องจากทีมแต่ละทีมจะมีรถ 2 คันสำหรับการแข่งขัน เพื่อให้เกิดความแตกต่าง และ จดจำได้ง่าย มีการกำหนดว่าจะต้องมีการใช้สีบริเวณตัวกล้องที่ติดบนตัวรถให้แตกต่างกัน โดยกล้องที่ติดกับรถคันแรกจะต้องพ่น หรือ ทาด้วยสีแดงสะท้อนแสง ส่วนคันที่สองนั้นจะปล่อยไว้เป็นสีปกติของตัวรถตามที่แจ้งมา ขณะที่รถคันที่สาม หากมีจะต้องพ่น หรือ ทาด้วยสีเหลืองสะท้อนแสง การจัดอันดับในการแข่งขัน (Classification) คำถามที่มักได้ยินกันบ่อยๆเกี่ยวกับเรื่องของอันดับของนักแข่งแต่ละคนที่ทำได้ในการแข่งขันแต่ละรายการ ทั้งพวกที่แข่งจนจบซึ่งไม่มีปัญหาอะไร หรือ พวกที่ต้องออกจากการแข่งขันกลางคันนั้น มีเขียนไว้อย่างชัดเจนในกติกาของ FIA ซึ่งพอจะสรุปได้คร่าวๆดังนี้ก็คือ หากนักแข่งคนใดสามารถนำรถวิ่งได้มากกว่า หรือ เท่ากับ 90 เปอร์เซนต์ของจำนวนรอบของการแข่งขันที่กำหนด นักแข่งรายนั้นๆก็จะได้รับการจัดอันดับในการแข่งขัน แต่ก็มีบางกรณีที่ควรศึกษาไว้ก็คือ หากในการแข่งขันรายการใดถูกยกเลิก หรือ ถูกระงับกลางคัน อันดับของนักแข่งแต่ละคนจะพิจารณาจากอันดับที่ทำได้ 2 รอบก่อนหน้ารอบที่การแข่งขันจะถูกยกเลิกไป ยกตัวอย่างก็คือ หากการแข่งขันมีเหตุให้ต้องยุติลงในรอบที่ 60 อันดับของนักแข่งนั้นจะตัดสินกันโดยดูจากอันดับที่ทำได้ในรอบที่ 58 หรือ 2 รอบก่อนหน้านั่นเอง การทำโทษนักแข่งที่ฝ่าฝืนกติกา (Driver Penalties) เจ้าหน้าที่สนาม มีอำนาจในการจะกำหนดโทษให้กับนักแข่งรายใดก็ตาม ที่ละเมิด หรือ ทำผิดกติกาที่ระบุไว้ การละเมิดกติกานั้น ยกตัวอย่างเช่น การจัมพ์สตาร์ท, การจงใจให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น หรือ จะเป็นการบล็อก การขีดขวางไม่ให้รถคันอื่นแซงขึ้นหน้าไปได้อย่างไม่แฟร์, การใช้ความเร็วในพิตเกินกว่าที่กำหนดไว้ ฯลฯ ส่วนใหญ่การลงโทษที่เราคุ้นกันดีก็คือ drive-through และ ten-second โดยโทษของ drive-through นั้นนักแข่งที่ถูกลงโทษ จะต้องนำรถเข้าพิตเหมือนเวลาที่ต้องการเปลี่ยนยาง หรือ เติมเชื้อเพลิงปกติ ทว่าเมื่อเข้าพิตแล้ว จะห้ามหยุดรถ และต้องใช้ความเร็วในพิตได้ไม่เกินที่กำหนด ซึ่งหากในสนามไหน ช่วงความยาวของพิตเลนมีมาก นักแข่งที่ถูกลงโทษด้วย drive-through ก็จะเสียเวลาอย่างไม่ควรจะเป็น และอาจส่งผลถึงการทำอันดับในการแข่งขันสนามนั้นๆด้วย ส่วน ten-second นั้น บางครั้งอาจถูกเรียกอีกอย่างหนึ่งได้ว่า stop-go ถือเป็นบทลงโทษที่สร้างความเสียหายให้กับนักแข่งที่ทำผิดกติกาได้มากกว่าโทษแบบ drive-through กล่าวคือ นอกจากจะต้องนำรถเข้าพิตซึ่งเสียเวลาไปหลายวินาทีแล้ว นักแข่งที่ถูกทำโทษจะต้องจอดรถสนิท หรือ หยุดนิ่งเพิ่มอีก 10 วินาที ก่อนที่จะได้รับการอนุญาตให้กลับสู่สนามได้ ซึ่งในช่วงที่รถต้องหยุดนิ่งในพิตนี้ ก็ห้ามไม่ให้มีการปรับแต่ง หรือ เพิ่มเติมใดๆกับรถทั้งสิ้น ใช่ว่าจะมีแต่โทษเบาๆสำหรับการขู่ หรือ ปรามนักแข่งที่ทำผิดกติกา โทษหนักๆเช่น การปรับอันดับลง 10 อันดับสำหรับการออกสตาร์ทในการแข่งขันสนามถัดไป (ยกตัวอย่างเช่น หากในสนามถัดไป นักแข่งที่ถูกทำโทษแม้จะทำเวลาในรอบคัดเลือกด้วยการคว้าโพล โพซิชั่น แต่ก็ต้องไปออกสตาร์ทในอันดับ 11 จากกริดในการแข่งขันจริง) ก็อยู่ในขอบเขตที่เจ้าหน้าที่สนามสามารถนำมาใช้ได้เช่นกัน คณะกรรมการจัดการแข่งขัน (Officials) ในการประชุม หรือ หารือสำหรับการแข่งขันแต่ละรายการนั้น จะต้องประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่างน้อย 6 รายด้วยกัน โดยเจ้าหน้าที่ดังกล่าวนี้จะทำหน้าที่ตรวจสอบ และ ควบคุมการปฏิบัติงานต่างๆของเจ้าหน้าที่สนามอีกทอดหนึ่ง เพื่อรับประกันว่าการแข่งขันจะปราศจากเหตุร้าย หรือ อันตรายใดๆขึ้นในช่วงที่มีการแข่งขัน และเพื่อเป็นไปตามข้อบังคับของทาง FIA จากจำนวน 6 คนของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในคณะกรรมการจัดการแข่งขันนั้น จะมี 4 คนด้วยกันที่ทาง FIA กำหนด หรือ มอบหมายด้วยตัวเอง ขณะที่อีก 2 รายนั้น จะต้องมีใบอนุญาตจาก FIA ที่เรียกว่า ซูเปอร์ไลเซนซ์ (super licence) และยังต้องไม่ใช่ผู้ที่มีสัญชาติเหมือนกับสนามที่จัดการแข่งขันในชาตินั้นๆอีกด้วย การทำงานของคณะกรรมการจัดการแข่งขันจะมีขอบเขต และ บทบาทของตัวเองที่ชัดเจน โดยจะต้องทำงานประสานกับตัวแทนด้านเทคนิคของ FIA ที่เวลานี้ก็คือนาย Jo Bauer Parc Ferme ตามข้อบังคับของ FIA นั้น รถทุกแข่งที่ลงทดสอบในรอบคัดเลือกวันเสาร์ จะต้องนำมาเก็บไว้ที่ Parc Ferme เหมือนกันหมด เช่นเดียวกับเมื่อจบการแข่งขันในวันจริง หรือ ในรอบชิงชนะเลิศ โดย Parc Ferme นี้ คือสถานที่มิดชิด และ มีความปลอดภัยสูงมาก เป็นที่ซึ่งรถทุกคันจะถูกนำมาตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามีการทำผิดกติกาใดๆหรือไม่ ในขณะที่รถทุกคันถูกนำมาเก็บไว้ที่ Parc Ferme นี้ FIA จะให้ทีมแข่งแต่ละทีม ส่งเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง มานำรถออกไปได้เพื่อทำการแข่งขัน หรือ นำไปซ่อมแซมปรับปรุงเพิ่มเติม แต่จะต้องได้รับการอนุญาตเสียก่อนจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคของ FIA รถแข่งแต่ละคันสามารถเติมเชื้อเพลิงได้ แต่ต้องเติมให้เรียบร้อยก่อนหน้าที่รอบคัดเลือกตอนเช้าของวันอาทิตย์จะเริ่มขึ้น การปรับแต่งอุปกรณ์บนตัวรถเล็กน้อยอย่างเช่น การปรับปีกหน้า ถือว่าไม่เป็นการผิดกติกา การเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆกับตัวรถ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดการแข่งขันก่อน เช่น สภาพอากาศเปลี่ยนจากร้อน หรือ แห้งปกติ เป็นมีฝนตก หรือกลับกัน เปลี่ยนจากมีฝนตก เป็น แห้งปกติ นอกจากนี้ยังมีการระบุไว้ในข้อบังคับอีกด้วยว่า รถคันใดที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ไม่ว่าจะเป็นในรอบคัดเลือก หรือ ในการแข่งขันจริง นักแข่ง และ รถคันดังกล่าว จะได้รับการอนุญาตให้กลับไปแข่งขันต่อได้ แต่จะถูกปรับให้ไปออกสตาร์ทที่ท้ายแถวแทน คะแนน (Points) นักแข่งที่จบการแข่งขัน 8 อันดับแรกในแต่ละกรังปรีซ์ หรือ แต่ละสนามแข่ง จะได้รับคะแนนเพื่อการนำไปคำนวณตำแหน่งแชมป์โลกในประเภทนักแข่ง และ ทีมผู้ผลิตดังนี้ อันดับ 1: 10 คะแนน อันดับ 2: 8 คะแนน อันดับ 3: 6 คะแนน อันดับ 4: 5 คะแนน อันดับ 5: 4 คะแนน อันดับ 6: 3 คะแนน อันดับ 7: 2 คะแนน อันดับ 8: 1 คะแนน ทั้งนี้หากการแข่งขันในรายการใดที่มีเหตุให้ต้องจบ หรือ ยกเลิกการแข่งขันโดยที่ยังไม่ถึง 75 เปอร์เซนต์ของจำนวนรอบทั้งหมด นักแข่งที่ติดอยู่ในอันดับ 1-8 จะได้รับคะแนนเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของคะแนนปกติเท่านั้น นักแข่งที่ทำคะแนนสะสมได้มากที่สุดตลอดทั้งฤดูกาล จะได้รับตำแหน่งแชมป์โลกไปครอง หลักการเดียวกันสำหรับทีมผู้ผลิต หากทีมใดได้คะแนนสะสมมากที่สุด ก็จะได้แชมป์ในประเภททีม หากกรณีที่นักแข่ง หรือ ทีมแข่ง ทำคะแนนได้เท่ากัน ตำแหน่งแชมป์โลกจะตกเป็นของนักแข่ง หรือ ทีม ที่ทำสถิติคว้าแชมป์ในรายการต่างๆ นักแข่ง หรือ ทีมแข่งใด คว้าแชมป์ได้มาก ก็จะได้แชมป์ไปครอง[/QUOTE]
Log in with Facebook
Log in with Twitter
Log in with Google
Your name or email address:
Do you already have an account?
No, create an account now.
Yes, my password is:
Forgot your password?
Stay logged in
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
RacingWeb Community
>
Motorsport Forum
>
Formula 1
>
ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับรถ Formula 1
>
Home
Home
Quick Links
Recent Posts
Recent Activity
Authors
Forums
Forums
Quick Links
Search Forums
Recent Posts
Classifieds
Classifieds
Quick Links
Search Classifieds
Recent Activity
Top Rated Traders
Media
Media
Quick Links
Search Media
New Media
Members
Members
Quick Links
Notable Members
Registered Members
Current Visitors
Recent Activity
New Profile Posts
Menu
Search titles only
Posted by Member:
Separate names with a comma.
Newer Than:
Search this thread only
Search this forum only
Display results as threads
Useful Searches
Recent Posts
More...