Log in or Sign up
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Community Car Clubs
>
Toyota Car Clubs
>
RT Club
>
มีข่าวมาฝากเกี่ยวกับ ปตท.
>
Reply to Thread
Name:
Verification:
Please enable JavaScript to continue.
Loading...
Message:
<p>[QUOTE="rv26, post: 1037424, member: 2770"]การแปรรูปรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลที่เป็นหน่วยงานสำคัญในการควบคุมด้านพลังงานอันเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญของชาติอย่าง การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ไปสู่การเป็นบริษัทมหาชนภายหลังการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์และเปลี่ยนโฉมเป็นบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แน่นอนว่านโยบายและทิศทางการดำเนินธุรกิจส่วนหนึ่งสามารถสร้างความยั่งยืนในด้านพลังงานของชาติได้อย่างดี ทว่ากำไรสูงสุดในฐานะองค์กรภาคเอกชนก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ต้นทุนด้านพลังงานที่ใช้กันอยู่นั้นสูงเกินจริงอย่างคาดไม่ถึง และประชาชนต้องทนแบกรับโดยไม่อาจปริปากหรือต่อต้านได้แต่อย่างใด</p><p> </p><p> ทั้งนี้ ปัญหาต้นทุนด้านพลังงานข้างต้นนั้น มีสาเหตุมาจากหลัก คือ ปัญหาในเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน อันเนื่องมาจากคณะกรรมการด้านพลังงานชุดต่างๆ อาทิ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าราชการระดับสูงของกระทรวงพลังงานและหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ทั้งระดับปลัด รองปลัด อธิบดี รวมถึงผู้ตรวจราชการนั้นยังไปดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการของบริษัทเอกชนด้านพลังงานต่างๆ ที่มุ่งเน้นการทำกำไรสูงสุดให้กับบริษัทต้นสังกัด ซึ่งบุคคลเหล่านี้ได้รับผลประโยชน์เป็นค่าตอบแทน ค่าเบี้ยประชุม และโบนัส จากบริษัทพลังงานต่างๆ สูงกว่ารายได้ประจำจากราชการ</p><p> </p><p> ดังนั้น การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลบริษัทเอกชนไปดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริษัทใดบริษัทหนึ่ง นอกจากจะเป็นการเสี่ยงต่อการไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ชาติแล้ว ซ้ำร้ายจะยังเป็นการทำลายการแข่งขันในธุรกิจพลังงานซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อบริษัทคู่แข่งและนำไปสู่การผูกขาดทางธุรกิจ</p><p> </p><p> สุดท้ายประชาชนจะถูกมัดมือชกโดยปราศจากทางเลือกในการใช้พลังงานในราคาที่เหมาะสมตามความเป็นจริง นั่นเอง</p><p> </p><p> เดินหน้ารื้อบอร์ดพลังงาน</p><p> </p><p> 'คำถามก็คือ ในเมื่อผู้มีหน้าที่ควบคุมผลประโยชน์ประเทศและผลประโยชน์บริษัทมีส่วนสำคัญในการกำหนดนโยบายพลังงานซึ่งมีผลต่อทั้ง 2 ฝ่าย นั้นจะเลือกที่จะพิจารณาในแนวทางใดระหว่างผลประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนหรือผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น ซึ่งจำเป็นต้องมีการแก้ไขโดยเร็วที่สุด'</p><p> </p><p> รสนา โตสิตระกูล ประธานคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ระบุ พร้อมเผยถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ในส่วนแรกนั้นคณะกมธฯจะเรียก ดร.อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)เข้ามาชี้แจงในกรณีดังกล่าวเนื่องจากเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่คัดสรรบุคคล-ข้าราชการเข้าสู่คณะกรรมด้านกิจการพลังงานชุดต่างของรัฐ</p><p> </p><p> ซึ่งในการแก้ไขปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนอาจจำเป็นต้องแก้ไขระเบียบและเกณฑ์การคัดเลือกให้มีความเหมาะสมและรัดกุมมากขึ้น อาทิ การห้ามข้าราชการดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการของบริษัทเอกชนอย่างเด็ดขาด รวมถึงการประสานไปยังคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(กพ.)ในการแก้ไขกฎระเบียบข้าราชการในการเข้าดำรงตำแหน่งคณะกรรมการในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและบริษัทเอกชนอีกด้วย</p><p> </p><p> รวมถึง การตั้งกระทู้ถามไปยังกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในฐานะหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบให้ทราบถึงปัญหาและดำเนินการแก้ไขโดยเร็วที่สุด</p><p> </p><p> จี้คลังทวงคืน</p><p> ท่อก๊าซ 3.2 หมื่นล้าน</p><p> </p><p> นอกจากนี้ สิ่งหนึ่งที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน ภายหลังที่ ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งยกคำร้องของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ในกรณี ไต่สวนกรณีที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แบ่งแยกทรัพย์สินคืนแก่แผ่นดินไม่ครบถ้วนตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด เนื่องจากมิใช่เจ้าหนี้ที่แท้จริง ดังนั้น จึงมีความพยายามผลักดันให้กระทรวงการคลังเข้ามาทำหน้าที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติโดยเร็วที่สุด</p><p> </p><p> 'หลังจากที่ศาลยกคำร้อง ก็จำเป็นต้องพึ่งกระทรวงการคลังในการทำหน้าที่ทวงคืนแทนผ่านกระบวนการในรัฐสภา หากยังไม่ได้ก็จำเป็นต้องประสานภาคประชาชนเพื่อกดดันในการทวงคืนท่อก๊าซต่อไป'รสนา ระบุ</p><p> </p><p> ทั้งนี้ ปตท.ได้แบ่งแยกทรัพย์สินคืนให้แก่รัฐในช่วงเดือนธ.ค.51ที่ผ่านมารวมทั้งสิ้นเพียง 16,176.22ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย ที่ดินเวนคืน1.42 ล้านบาท สิทธิในการใช้ที่ดิน1,124.11ล้านบาท และระบบท่อก๊าซธรรมชาติในที่ดินเวนคืนและที่ดินรอนสิทธิ 3 โครงการอีก 15,050.69 ล้านบาทซึ่งทั้งหมดเป็นทรัพย์ก่อนการแปรรูปเข้าตลาดหลักทรัพย์ของปตท.ในวันที่ 1ต.ค.44</p><p> </p><p> ขณะที่จากข้อมูลของการตรวจสอบ ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) นั้นพบว่าปตท.ยังต้องคืนทรัพย์สินอีกว่า 32,613 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีทรัพย์สินที่ปตท.จะต้องคืนให้แก่รัฐภายหลังการแปรรูป ณ วันที่ 1 ต.ค.44 อีกกว่า 157,102 ล้านบาทเนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการใช้สิทธิของรัฐและประชาชนจึงจำเป็นต้องคืนให้แก่รัฐตามคำวินิจฉัยของศาลด้วยนั่นเอง</p><p> </p><p> ดังนั้น หากกระทรวงการคลังยังไม่ทำหน้าที่ตามที่ควรจะเป็นก็จะมีการประสานไปยังมูลนิธิผู้บริโภคเพื่อกดดันในเรื่องดังกล่าวต่อไป</p><p> </p><p> จับตาปตท.ขึ้นค่าผ่านท่อ</p><p> ฟันกำไร 4,500 ล้าน</p><p> </p><p> นอกจากนี้ ยังมีกรณีเร่งด่วนที่ส่งผลต่อการครองชีพของประชาชนอย่างยิ่งโดยเฉพาะการยื่นต่อ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ภายในวันที่ 16 มี.ค.นี้ เพื่อขออนุมัติเพิ่มค่าผ่านท่อจากเดิมซึ่งอยู่ที่ประมาณ 19 บาทต่อ 1 ล้านบีทียูไปอยู่ที่ประมาณ 20 บาทต่อ 1 ล้านบีทียู ซึ่งจะส่งผลให้ปตท.มีกำไรจากกิจการดังกล่าวปีละประมาณ 1,000 ล้านบาท หรือโดยรวมอยู่ที่ราวๆ 4,500 ล้านบาท เนื่องจากส่วนต่างนั้นมิได้เพิ่มขึ้นเพียงประมาณ 1บาทเท่านั้น หากแต่ต้นทุนที่แท้จริงอยู่ที่ 17บาทต่อ 1 ล้านบีทียูเท่านั้น</p><p> </p><p> และเมื่อพิจารณาจากต้นทุนของปตท.ที่ได้รับสัมปทานจากรัฐในการใช้ท่อส่งก๊าซดังกล่าวนั้นพบว่ามีต้นทุนที่ถูกมากโดยอยู่ที่ราวๆ 1,300 ล้านบาทต่อระยะเวลา 30 ปี</p><p> </p><p> นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลจากการประเมินโดยตรงของปตท.จากการจ้างบริษัทเอกชนในการประเมินราคาเพื่อปรับค่าผ่านท่อดังกล่าวนั้น พบว่าตัวเลขต้นทุนของท่อมีมูลค่าสูงสุดถึง 112,500 ล้านบาทหรือจากการกระเมินต่ำสุดที่ประมาณ 86,730 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับมูลค่าท่อก๊าซที่ปตท.คืนให้แก่รัฐตามคำวินิฉัยของศาลอยู่ที่ประมาณ 16,176.22ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าราคาที่ปตท.ประเมินไว้อย่างมาก</p><p> </p><p> ดังนั้น ราคาที่ปตท.ประเมินนั้นค่อนข้างสูงด้วยฐานคิดจากการบำรุงรักษาท่อ การคิดค่าเสื่อม เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ราคาที่ปตท.ขอปรับขึ้นค่าผ่านท่อจึงมีอัตราที่ค่อนข้างสูงอย่างมาก และสามารถทำกำไรได้ค่อนข้างสูงจากต้นทุนของท่อที่ได้รับสัมปทานจากรัฐในอัตราที่ต่ำมาก</p><p> </p><p> 'ก่อนวันที่ 16 มี.ค.นี้จำเป็นต้องมีการยื่นเรื่องต่อกระทรวงการคลังและเรียกบอร์ดเข้ามาชี้แจงเพื่อระงับการขึ้นค่าผ่านท่อดังกล่าวเนื่องจากรัฐเสียเปรียบและประชาชนจะต้องแบกรับต้นทุนด้านพลังงานที่สูงเกินไปอย่างไม่ยุติธรรม' รสนา ระบุ</p><p> </p><p> บทสรุปในการแก้ไขปัญหาด้านพลังงานและช่วยเหลือประชาชนให้ไม่ต้องแบกรับต้นทุนด้านพลังงานที่สูงเกินไปจึงอยู่ที่ คณะกรรมการกิจการพลังงานที่จะเลือกในการจัดสรรประโยชน์ให้กับคนส่วนใหญ่ในฐานะข้าราชการหรือจะเลือกให้ประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นที่เป็นคนส่วนน้อยของประเทศเท่านั้น...</p><p> </p><p> **************</p><p> </p><p> PTT อาจได้เห็นที่ 134</p><p> </p><p> การยื่นเรื่องสอบถามปัญหาการโอนทรัพย์สินของ ปตท. คืนกระทรวงการคลังไม่ครบถ้วนต่อประธานวุฒิสภาของ รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพมหานคร ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาธิบาล วุฒิสภา เมื่อ 11 มีนาคม 2552 ส่งผลให้ราคาหุ้น PTT ปรับลดลงเหลือเพียง 144 บาท</p><p> </p><p> หลังจากทรัพย์สินที่เกิดขึ้นหลังการแปรรูป บริษัท ปตท. ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2544 นั้น ไม่มีการโอนคืนแก่รัฐแต่อย่างใด ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 157,102 ล้านบาท ซึ่งทรัพย์สินทั้งหมดนี้ได้มาด้วยการใช้อำนาจมหาชน ซึ่งบริษัท ปตท.จะต้องคืนให้แก่รัฐตามคำพิพากษาของศาล</p><p> </p><p> 'ตรงนี้ถือว่าเป็นปัจจัยลบสำหรับ PTT แน่นอน และบริษัทในเครือแน่ แม้เรื่องดังกล่าวจะทราบกันโดยทั่วไปแล้วก็ตาม แต่หากต้องมีการทำตามคำสั่งศาลปกครองย่อมส่งผลต่อมูลค่าสินทรัพย์และรายได้ของ PTT ส่วนจะมากน้อยแค่ไหนขณะนี้ยังต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง'</p><p> </p><p> หากประเมินจากสถานการณ์ในขณะนี้ราคาพื้นฐานของ PTT อยู่ที่ประมาณ 190 บาท ส่วนราคาตลาดคงต้องดูดัชนีตลาดหลักทรัพย์อีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไร แต่หากตลาดหุ้นปรับเพิ่มขึ้นเชื่อว่าราคาน่าจะเคลื่อนไหวระหว่าง 140-150 บาทเท่านั้น</p><p> </p><p> แต่หากดัชนีตลาดหลุด 400 จุดลงมาเหลือ 380 จาก ตัว PTT น่าจะอยู่ที่ประมาณ 130-134 บาท ดังนั้นหุ้นในกลุ่มพลังงานในระยะนี้คงไม่ใช่หุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีเหมือนอดีต ทั้งจากการใช้ที่ลดลงจากสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำทั่วโลก และผลกระทบภายในประเทศ</p><p> </p><p> ส่วนผู้ลงทุนจะเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้คงต้องเลือกว่าจะลงทุนในระยะสั้นหรือระยะยาว หากสามารถถือยาว ๆ ได้ตัวนี้ก็น่าสนใจหากเศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้น</p><p> </p><p> *************</p><p> </p><p> ความจริง 'LPG' ประชาชนต้องรู้.!</p><p> ปตท.มุ่งโกย-โยนภาระให้คนไทย</p><p> </p><p> เผยไส้ในปตท.กรณีก๊าซ LPG ชี้ครัวเรือนใช้ลดลงทุกปี ขณะที่ 'ปิโตรฯ-อุต' ยอดพุ่งมหาศาล ส่วนก๊าซธรรมชาติมีเพียงพอแต่ไม่ยอมสร้างโรงแยกก๊าซเพิ่มสาเหตุก๊าซขาดแคลน พร้อมระบุนำเข้า 10% ปีที่แล้วยอด 8,020 ล้าน โยนภาระให้ประชาชนต้องรับในส่วนต่างด้านราคา ขณะที่ปตท.-บริษัทลูกไม่เกี่ยวข้อง ยืนยันปตท.ผูดขาดธุรกิจพลังงานครบวงจร</p><p> </p><p> ในช่วงกลางปีผ่านมามีความพยายามจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และกระทรวงพลังงานในการขอขึ้นราคาก๊าซ LPG (LIQUID PETROLEUM GAS) ในประเทศ ซึ่งเหตุผลทุกครั้งในการขอขึ้นคือไทยต้องนำเข้าก๊าซ LPG จากต่างประเทศ และราคาในตลาดโลกก็สูงขึ้นแต่คนไทยยังใช้ในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง ล่าสุดยังมีความพยายามเสนอเรื่องดังกล่าวอีกครั้งในวันที่ 16 ม.ค. 2552 ต่อ คณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ (กทพ.) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน แต่ผลสุดท้ายกพช.ก็ให้ยับยั้งไม่อนุมัติการขอขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (LPG )อีก 2.70 บาท/กิโลกรัม</p><p> </p><p> ประเด็นที่ทุกคนให้ความสนใจคือหลังจากที่ปีที่แล้ว LPG ในประเทศขาดแคลนทำให้ไทยต้องนำเข้าถึง 10% โดยมีปตท.เป็นผู้แบกรับสำรองเงินจ่ายไปก่อนกว่า 8,020 ล้านบาทนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ทั้งกระทรวงพลังงานและปตท.ได้พยายามขอขึ้นราคาก๊าซหุงต้มในประเทศในช่วงที่ผ่านมา</p><p> </p><p> ถามว่าความเป็นจริงของเรื่องดังกล่าวคืออะไร ก๊าซ LPG ในประเทศขาดแคลนจริงหรือไม่ อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ขาดแคลน 'ภาคครัวเรือน' เป็นจำเลยของสังคมจริงหรือไม่ แล้วโรงแยกก๊าซในประเทศมีเพียงพอจริงหรือ เพราะก๊าซ LPG ในประเทศกว่า 60% มาจากการขุดเจาะที่อ่าวไทยแล้วทำไมคนไทยต้องใช้ราคาก๊าซที่สูงเท่ากับราคาตลาดโลก นี่คือคำถามที่ผู้เกี่ยวข้องตอบ..</p><p> </p><p> เผย 'อุต-ปิโตรฯ'</p><p> แย่งก๊าซเกือบครึ่ง.!</p><p> </p><p> คำถามแรกที่ทุกคนสงสัยและต้องการคำตอบมากที่สุดคือก๊าซ LPG มีเพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศหรือไม่จากขอมูลของกระทรวงพลังงานพบว่า ไทยสามารถผลิตก๊าซ LPG ได้ถึงปีละ 4.05 ล้านตันซึ่งแบ่งได้เป็นการใช้ของภาคครัวเรือนและยานยนต์ประมาณปีละ 2.66 ล้านตันและลดการใช้ลงทุกปีแปลว่ามี LPG เหลือเฟือสำหรับการใช้ในครัวเรือนของไทย แต่ทำไมยังขาดแคลนเพราะมีอีกกลุ่มที่ใช้ LPG มากที่สุดในระดับรองลงมาคือกลุ่มอุตสาหกรรมและปิโตรเคมี กลุ่มนี้มีอัตราส่วนในการใช้ LPG ในประเทศสูงถึง 40.3 % สูงเกือบครึ่งหนึ่งของทั้งหมดที่มีแปลว่าที่ LPG ขาดแคลนในปีที่แล้วส่วนหนึ่งก็มาจากกลุ่มอุตสาหกรรมและปิโตรเคมีใช่หรือไม่ แล้วทำไมทุกครั้งที่มีข่าวว่าก๊าซขาดแคลนกลุ่มคนที่ถูกกล่าวถึงมีเพียงกลุ่มผู้ใช้ครัวเรือนและยานยนต์เท่านั้น</p><p> </p><p> ขณะที่การขาดแคลน LPGในประเทศน่าจะมาจากการไม่มีโรงแยกกาซที่ไม่เพียงพอเห็นได้จากก่อนที่ปตท.ได้แปรรูปในตลาดหลักทรัพย์ปตท.ได้เดินหน้าก่อสร้างโรงงานแยกก๊าซไว้ถึง 4 โรงโดยคำนึงประชาชนเป็นหลักในยามที่ขาดแคลน เหมือนที่กฟผ.(การไฟฟ้าฝ่ายผลิต) ที่ต้องคำนวณล่วงหน้าถึงความต้องการใช้ไฟฟ้าในอนาคตเมื่อถึงจุดพีคไฟฟ้าจะได้ไม่ดับ แต่ปตท.เมื่อแปรรูป (1 ธ.ค. 2544)ไปแล้ว ได้สร้างโรงแยกก๊าซเพิ่มขึ้นเพียง 1 โรง เพราะปตท.สามารถคำนวณความต้องการใช้ในประเทศล่วงหน้าได้อยู่แล้ว และในอนาคต ปตท.ก็เชื่อว่าจะมีการขาดแคลนเกิดขึ้น แต่ก็ยังไม่สร้างโรงแยกก๊าซเพิ่มขึ้น เพราะปตท.เกรงว่าจะเป็นการเพิ่มต้นทุนให้บริษัท และต้องคำนึกถึงผู้ถือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เป็นหลัก ซึ่งไม่ใช่ประชาชนเจ้าของประเทศอีกต่อไป</p><p> </p><p> ปตท.ไม่สนประชาชน</p><p> ผู้ถือหุ้นมาก่อน</p><p> </p><p> นอกจากนี้ในยามที่ก๊าซ LPG ขาดแคลนมีเสียงเรียกร้องให้สร้างโรงแยกก๊าซเพิ่มขึ้นปตท.กลับต่อรองว่าจะสร้างโรงแยกก๊าซเพิ่มได้แต่ภาครัฐก็ต้องให้ขึ้นราคาก๊าซ LPG เช่นกันแปลว่าปตท.กำลังเอาประชาชนส่วนใหญ่ของเป็นตัวประกันสนองความต้องผู้ถือหุ้นเพียงไม่กี่คนกระนั้นหรือ</p><p> </p><p> 'ปัจจุบันการผลิตก๊าซ LPG ของโรงแยกก๊าซ ปตท.มาจากอ่าวไทยทั้งหมดซึ่งในหนึ่งวันมีการนำก๊าซธรรมชาติขึ้นมาวันละประมาณ 2,400 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วันซึ่งหากเทียบกับรัฐอลาสก้าจำนวนดังกล่าวมากกว่า 2 เท่าซึ่งถือว่าเยอะมาก แต่โรงแยกก๊าซของปตท.รองรับได้เพียง 1,7000 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วันเท่านั้น ทำให้ไทยต้องสูญเสียก๊าซธรรมชาติวันละ 600-700 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ซึ่งหากนำส่วนนี้มาผลิตก๊าซ LPG จะได้ก๊าซเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 ล้านตัว/ปีและชดเชยส่วนที่ขาดและต้องนำเข้ามา 10 % ของปี2551 ได้' แหล่งข่าวจากระทรวงพลังงาน ระบุ</p><p> </p><p> อย่างไรก็ตามจากกรณีที่ปตท.ต้องแบกรับนำเข้าก๊าซในปีที่ผ่านมาจำนวน 10% คิดเป็นมูลค่ากว่า 8,020 ล้านซึ่งรัฐบาลต้องจ่ายคืนในเดือนเม.ย.นี้ในราคาที่นำเข้ามา 825 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน (27บาท/กิโลกรัม) แต่ในความเป็นจริง เวลาที่นำเข้า 10% ในราคา825 เหรียญสหรัฐฯ/ตันปตท.จะนำมาลบกับตัวเลขผู้ใช้ในประเทศที่ราคา 323 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน (13 บาท/กิโลกรัม) จะเป็นตัวหนี้กองทุนเชื้อเพลิงพลังงานทุกลิตรที่ประชาชนต้องรับผิดชอบ</p><p> </p><p> สุดท้ายประชาชน</p><p> รับกรรมนำเข้า LPG</p><p> </p><p> ขณะที่อุตสาหกรรมและปิโตรเคมีที่เป็นบริษัทลูกของเครือปตท.จะซื้อก๊าซจากบริษัทแม่ในราคา 496 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน (16 บาท/กิโลกรัม) ซึ่งต่ำกว่าความเป็นจริงแต่ ปตท.ให้เหตุผลว่าหากอุตสาหกรรมและกลุ่มปิโตรเคมีซื้อในราคาที่นำเข้ามาบริษัทลูกๆเหล่านี้จะเจ๊งได้ และยังยืนยันว่าแม้ตัวเลขที่ซื้อจะน้อยกว่าราคาที่นำเข้ามาแต่ก็ยังสูงกว่าประชาชนผู้บริโภคแต่การที่ปตท.สำรองจ่ายไปก่อนเป็นเงิน 8,020 ล้านบาทเหมือนจะดี แต่เงินที่รัฐบาลจะนำมาจ่ายคืนให้ปตท.ล้วนมาจากภาษีประชาชนทั้งนั้นแปลว่าประชาชนที่ใช้กาซในราคา 323 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน (13 บาท/กิโลกรัม) ต้องแบกรับส่วนต่างที่นำเข้ามาที่825 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน (27บาท/กิโลกรัม)</p><p> </p><p> 'พูดง่ายๆว่านำเข้ามามากเท่าไหร่ ประชาชนจะรับผิดชอบแทนเพียงฝ่ายเดียว ทำไมไม่บอกประชาชนว่าประชาชนนั่นแหละแบกรับส่วนต่างราคานำเข้ามาตลอด ปตท.สำรองจ่ายให้ก่อนเท่านั้นแล้วเงินส่วนนี้จะไปตกแก่หลวงหรือว่าผู้ถือหุ้น' แหล่งข่าวคนเดิมระบุ</p><p> </p><p> รายงานข่าวจากปตท.แจ้งว่าที่ปี 2552 นี้ปตท.คาดว่าไทยจะต้องนำเข้า LPGประมาณ 1 ล้านตันคิดเป็นภาระนำเข้ากว่า 1 หมื่นล้านบาทโดยปตท.คงไม่สามารถสำรองจ่ายส่วนต่างราคา LPG นำเข้ากับขายในประเทศได้หากครบวงเงินที่บอร์ดฯอนุมัติไว้ 1 หมื่นล้านบาท</p><p> </p><p> ไทยจ่าย LPG</p><p> สูงกว่าตลาดโลก</p><p> </p><p> อย่างไรก็ดีแม้การผลิต LPG ในประเทศจะมาจากโรงแยกก๊าซ 60 % ประมาณกว่า 2 ล้านตันกว่าและอีกส่วนจะมาจากโรงกลั่น 40% ประมาณ 1ล้านตันกว่ารวมการผลิตทั้งหมดในประเทศประมาณ 4 ล้านตันเพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศแต่ทำไมกระทรวงพลังงานและปตท.ยังพยายามที่จะขอขึ้นราคาก๊าซ LPG ในประเทศจากราคา 18.30 บาทต่อกิโลกรัมขึ้นเป็นราคา 20 .83 บาทต่อกิโลกรัมขณะที่ราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกก็ลดต่ำลงมาเรื่อยๆโดยราคาในตลาดโลกตอนนี้อยู่ที่ 13.30 บาทต่อกิโลกรัม แล้วคนไทยยังต้องจ่ายราคาค่าก๊าซ LPG ในราคาที่สูงกว่าตลาดโลกซึ่งการผลิตก็ล้วนมาจากทรัพยากรธรรมชาติบนผืนแผ่นไทยทั้งนั้น ประกอบกับก๊าซที่ได้ในประเทศก็ซื้อในราคาที่ต่ำกว่าราคาในตลาดโลก แต่ถึงเวลาจะขายก็อ้างอิงราคาในตลาดโลกตลอดโดยไม่รับผิดชอบต่อประชาชนแต่มุ่งแสวงหากำไรสนองผู้ถือหุ้นจนเกินงาม</p><p> </p><p> นอกจากนี้บริษัทปตท. เป็นผู้ประกอบการรายเดียวที่ผูกขาดธุรกิจพลังงานในบ้านเราแบบครบวงจร อาทิ โรงแยกก๊าซ ธุรกิจก๊าซเอ็นจีวี ธุรกิจท่อขนส่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ธุรกิจการกลั่นน้ำมันนั้น (ปตท.เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน 5 โรงจาก 6 โรงกลั่นขนาดใหญ่) ที่มีกำลังการผลิตรวมกันกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน</p><p> </p><p> ส่วนความได้เปรียบในธุรกิจพลังงานบริษัทปตท.สิทธิพิเศษต่างๆ เช่น การผูกขาดการขายน้ำมันและก๊าซให้กับรัฐ การผูกขาดในธุรกิจแยกก๊าซ การผูกขาดในธุรกิจขนส่งก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งได้เปรียบจากจากทรัพย์สินที่โอนไปจากรัฐเมื่อตอนแปรรูปการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยมาเป็นเอกชนอาทิ โครงการก่อสร้างท่อก๊าซ ซึ่งหลังจากแปรรูปฯปตท.ได้เก็บค่าผ่านท่อในแต่ละปีเป็นเงินกว่าหมื่นล้านบาทซึ่งสุดท้ายค่าผ่านท่อนี้ ก็ถูกผลักภาระมาสู่ประชาชนในรูปราคาขายปลีกพลังงานที่สูงขึ้น</p><p> </p><p> ดังนั้นจึงกลายเป็นว่าประชาชนซึ่งเดิมมีฐานะเป็นเจ้าของท่อก๊าซเพราะเป็นผู้จ่ายค่าก่อสร้าง กลับจะต้องจ่ายค่าใช้ท่อก๊าซอีกด้วยในปัจจุบัน เสมือนกับเจ้าของบ้านเมื่อลงทุนลงแรงสร้างบ้านของตนเสร็จเรียบร้อย บ้านกลับถูกโอนไปเป็นของคนอื่น ทำให้เจ้าของบ้านต้องกลับมาเช่าบ้านหลังเดิมนี้อีกเพื่ออยู่อาศัย</p><p> </p><p> ถึงเวลาหรือยังที่จะให้คนไทยที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของประเทศมีส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตของตัวเอง หรือผูกขาดให้บางบริษัท และนักการเมืองร่วมกันทึ้งประเทศไทยต่อไปอย่างนี้อย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น.![/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="rv26, post: 1037424, member: 2770"]การแปรรูปรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลที่เป็นหน่วยงานสำคัญในการควบคุมด้านพลังงานอันเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญของชาติอย่าง การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ไปสู่การเป็นบริษัทมหาชนภายหลังการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์และเปลี่ยนโฉมเป็นบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แน่นอนว่านโยบายและทิศทางการดำเนินธุรกิจส่วนหนึ่งสามารถสร้างความยั่งยืนในด้านพลังงานของชาติได้อย่างดี ทว่ากำไรสูงสุดในฐานะองค์กรภาคเอกชนก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ต้นทุนด้านพลังงานที่ใช้กันอยู่นั้นสูงเกินจริงอย่างคาดไม่ถึง และประชาชนต้องทนแบกรับโดยไม่อาจปริปากหรือต่อต้านได้แต่อย่างใด ทั้งนี้ ปัญหาต้นทุนด้านพลังงานข้างต้นนั้น มีสาเหตุมาจากหลัก คือ ปัญหาในเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน อันเนื่องมาจากคณะกรรมการด้านพลังงานชุดต่างๆ อาทิ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าราชการระดับสูงของกระทรวงพลังงานและหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ทั้งระดับปลัด รองปลัด อธิบดี รวมถึงผู้ตรวจราชการนั้นยังไปดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการของบริษัทเอกชนด้านพลังงานต่างๆ ที่มุ่งเน้นการทำกำไรสูงสุดให้กับบริษัทต้นสังกัด ซึ่งบุคคลเหล่านี้ได้รับผลประโยชน์เป็นค่าตอบแทน ค่าเบี้ยประชุม และโบนัส จากบริษัทพลังงานต่างๆ สูงกว่ารายได้ประจำจากราชการ ดังนั้น การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลบริษัทเอกชนไปดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริษัทใดบริษัทหนึ่ง นอกจากจะเป็นการเสี่ยงต่อการไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ชาติแล้ว ซ้ำร้ายจะยังเป็นการทำลายการแข่งขันในธุรกิจพลังงานซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อบริษัทคู่แข่งและนำไปสู่การผูกขาดทางธุรกิจ สุดท้ายประชาชนจะถูกมัดมือชกโดยปราศจากทางเลือกในการใช้พลังงานในราคาที่เหมาะสมตามความเป็นจริง นั่นเอง เดินหน้ารื้อบอร์ดพลังงาน 'คำถามก็คือ ในเมื่อผู้มีหน้าที่ควบคุมผลประโยชน์ประเทศและผลประโยชน์บริษัทมีส่วนสำคัญในการกำหนดนโยบายพลังงานซึ่งมีผลต่อทั้ง 2 ฝ่าย นั้นจะเลือกที่จะพิจารณาในแนวทางใดระหว่างผลประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนหรือผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น ซึ่งจำเป็นต้องมีการแก้ไขโดยเร็วที่สุด' รสนา โตสิตระกูล ประธานคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ระบุ พร้อมเผยถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ในส่วนแรกนั้นคณะกมธฯจะเรียก ดร.อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)เข้ามาชี้แจงในกรณีดังกล่าวเนื่องจากเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่คัดสรรบุคคล-ข้าราชการเข้าสู่คณะกรรมด้านกิจการพลังงานชุดต่างของรัฐ ซึ่งในการแก้ไขปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนอาจจำเป็นต้องแก้ไขระเบียบและเกณฑ์การคัดเลือกให้มีความเหมาะสมและรัดกุมมากขึ้น อาทิ การห้ามข้าราชการดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการของบริษัทเอกชนอย่างเด็ดขาด รวมถึงการประสานไปยังคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(กพ.)ในการแก้ไขกฎระเบียบข้าราชการในการเข้าดำรงตำแหน่งคณะกรรมการในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและบริษัทเอกชนอีกด้วย รวมถึง การตั้งกระทู้ถามไปยังกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในฐานะหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบให้ทราบถึงปัญหาและดำเนินการแก้ไขโดยเร็วที่สุด จี้คลังทวงคืน ท่อก๊าซ 3.2 หมื่นล้าน นอกจากนี้ สิ่งหนึ่งที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน ภายหลังที่ ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งยกคำร้องของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ในกรณี ไต่สวนกรณีที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แบ่งแยกทรัพย์สินคืนแก่แผ่นดินไม่ครบถ้วนตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด เนื่องจากมิใช่เจ้าหนี้ที่แท้จริง ดังนั้น จึงมีความพยายามผลักดันให้กระทรวงการคลังเข้ามาทำหน้าที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติโดยเร็วที่สุด 'หลังจากที่ศาลยกคำร้อง ก็จำเป็นต้องพึ่งกระทรวงการคลังในการทำหน้าที่ทวงคืนแทนผ่านกระบวนการในรัฐสภา หากยังไม่ได้ก็จำเป็นต้องประสานภาคประชาชนเพื่อกดดันในการทวงคืนท่อก๊าซต่อไป'รสนา ระบุ ทั้งนี้ ปตท.ได้แบ่งแยกทรัพย์สินคืนให้แก่รัฐในช่วงเดือนธ.ค.51ที่ผ่านมารวมทั้งสิ้นเพียง 16,176.22ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย ที่ดินเวนคืน1.42 ล้านบาท สิทธิในการใช้ที่ดิน1,124.11ล้านบาท และระบบท่อก๊าซธรรมชาติในที่ดินเวนคืนและที่ดินรอนสิทธิ 3 โครงการอีก 15,050.69 ล้านบาทซึ่งทั้งหมดเป็นทรัพย์ก่อนการแปรรูปเข้าตลาดหลักทรัพย์ของปตท.ในวันที่ 1ต.ค.44 ขณะที่จากข้อมูลของการตรวจสอบ ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) นั้นพบว่าปตท.ยังต้องคืนทรัพย์สินอีกว่า 32,613 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีทรัพย์สินที่ปตท.จะต้องคืนให้แก่รัฐภายหลังการแปรรูป ณ วันที่ 1 ต.ค.44 อีกกว่า 157,102 ล้านบาทเนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการใช้สิทธิของรัฐและประชาชนจึงจำเป็นต้องคืนให้แก่รัฐตามคำวินิจฉัยของศาลด้วยนั่นเอง ดังนั้น หากกระทรวงการคลังยังไม่ทำหน้าที่ตามที่ควรจะเป็นก็จะมีการประสานไปยังมูลนิธิผู้บริโภคเพื่อกดดันในเรื่องดังกล่าวต่อไป จับตาปตท.ขึ้นค่าผ่านท่อ ฟันกำไร 4,500 ล้าน นอกจากนี้ ยังมีกรณีเร่งด่วนที่ส่งผลต่อการครองชีพของประชาชนอย่างยิ่งโดยเฉพาะการยื่นต่อ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ภายในวันที่ 16 มี.ค.นี้ เพื่อขออนุมัติเพิ่มค่าผ่านท่อจากเดิมซึ่งอยู่ที่ประมาณ 19 บาทต่อ 1 ล้านบีทียูไปอยู่ที่ประมาณ 20 บาทต่อ 1 ล้านบีทียู ซึ่งจะส่งผลให้ปตท.มีกำไรจากกิจการดังกล่าวปีละประมาณ 1,000 ล้านบาท หรือโดยรวมอยู่ที่ราวๆ 4,500 ล้านบาท เนื่องจากส่วนต่างนั้นมิได้เพิ่มขึ้นเพียงประมาณ 1บาทเท่านั้น หากแต่ต้นทุนที่แท้จริงอยู่ที่ 17บาทต่อ 1 ล้านบีทียูเท่านั้น และเมื่อพิจารณาจากต้นทุนของปตท.ที่ได้รับสัมปทานจากรัฐในการใช้ท่อส่งก๊าซดังกล่าวนั้นพบว่ามีต้นทุนที่ถูกมากโดยอยู่ที่ราวๆ 1,300 ล้านบาทต่อระยะเวลา 30 ปี นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลจากการประเมินโดยตรงของปตท.จากการจ้างบริษัทเอกชนในการประเมินราคาเพื่อปรับค่าผ่านท่อดังกล่าวนั้น พบว่าตัวเลขต้นทุนของท่อมีมูลค่าสูงสุดถึง 112,500 ล้านบาทหรือจากการกระเมินต่ำสุดที่ประมาณ 86,730 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับมูลค่าท่อก๊าซที่ปตท.คืนให้แก่รัฐตามคำวินิฉัยของศาลอยู่ที่ประมาณ 16,176.22ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าราคาที่ปตท.ประเมินไว้อย่างมาก ดังนั้น ราคาที่ปตท.ประเมินนั้นค่อนข้างสูงด้วยฐานคิดจากการบำรุงรักษาท่อ การคิดค่าเสื่อม เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ราคาที่ปตท.ขอปรับขึ้นค่าผ่านท่อจึงมีอัตราที่ค่อนข้างสูงอย่างมาก และสามารถทำกำไรได้ค่อนข้างสูงจากต้นทุนของท่อที่ได้รับสัมปทานจากรัฐในอัตราที่ต่ำมาก 'ก่อนวันที่ 16 มี.ค.นี้จำเป็นต้องมีการยื่นเรื่องต่อกระทรวงการคลังและเรียกบอร์ดเข้ามาชี้แจงเพื่อระงับการขึ้นค่าผ่านท่อดังกล่าวเนื่องจากรัฐเสียเปรียบและประชาชนจะต้องแบกรับต้นทุนด้านพลังงานที่สูงเกินไปอย่างไม่ยุติธรรม' รสนา ระบุ บทสรุปในการแก้ไขปัญหาด้านพลังงานและช่วยเหลือประชาชนให้ไม่ต้องแบกรับต้นทุนด้านพลังงานที่สูงเกินไปจึงอยู่ที่ คณะกรรมการกิจการพลังงานที่จะเลือกในการจัดสรรประโยชน์ให้กับคนส่วนใหญ่ในฐานะข้าราชการหรือจะเลือกให้ประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นที่เป็นคนส่วนน้อยของประเทศเท่านั้น... ************** PTT อาจได้เห็นที่ 134 การยื่นเรื่องสอบถามปัญหาการโอนทรัพย์สินของ ปตท. คืนกระทรวงการคลังไม่ครบถ้วนต่อประธานวุฒิสภาของ รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพมหานคร ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาธิบาล วุฒิสภา เมื่อ 11 มีนาคม 2552 ส่งผลให้ราคาหุ้น PTT ปรับลดลงเหลือเพียง 144 บาท หลังจากทรัพย์สินที่เกิดขึ้นหลังการแปรรูป บริษัท ปตท. ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2544 นั้น ไม่มีการโอนคืนแก่รัฐแต่อย่างใด ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 157,102 ล้านบาท ซึ่งทรัพย์สินทั้งหมดนี้ได้มาด้วยการใช้อำนาจมหาชน ซึ่งบริษัท ปตท.จะต้องคืนให้แก่รัฐตามคำพิพากษาของศาล 'ตรงนี้ถือว่าเป็นปัจจัยลบสำหรับ PTT แน่นอน และบริษัทในเครือแน่ แม้เรื่องดังกล่าวจะทราบกันโดยทั่วไปแล้วก็ตาม แต่หากต้องมีการทำตามคำสั่งศาลปกครองย่อมส่งผลต่อมูลค่าสินทรัพย์และรายได้ของ PTT ส่วนจะมากน้อยแค่ไหนขณะนี้ยังต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง' หากประเมินจากสถานการณ์ในขณะนี้ราคาพื้นฐานของ PTT อยู่ที่ประมาณ 190 บาท ส่วนราคาตลาดคงต้องดูดัชนีตลาดหลักทรัพย์อีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไร แต่หากตลาดหุ้นปรับเพิ่มขึ้นเชื่อว่าราคาน่าจะเคลื่อนไหวระหว่าง 140-150 บาทเท่านั้น แต่หากดัชนีตลาดหลุด 400 จุดลงมาเหลือ 380 จาก ตัว PTT น่าจะอยู่ที่ประมาณ 130-134 บาท ดังนั้นหุ้นในกลุ่มพลังงานในระยะนี้คงไม่ใช่หุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีเหมือนอดีต ทั้งจากการใช้ที่ลดลงจากสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำทั่วโลก และผลกระทบภายในประเทศ ส่วนผู้ลงทุนจะเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้คงต้องเลือกว่าจะลงทุนในระยะสั้นหรือระยะยาว หากสามารถถือยาว ๆ ได้ตัวนี้ก็น่าสนใจหากเศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้น ************* ความจริง 'LPG' ประชาชนต้องรู้.! ปตท.มุ่งโกย-โยนภาระให้คนไทย เผยไส้ในปตท.กรณีก๊าซ LPG ชี้ครัวเรือนใช้ลดลงทุกปี ขณะที่ 'ปิโตรฯ-อุต' ยอดพุ่งมหาศาล ส่วนก๊าซธรรมชาติมีเพียงพอแต่ไม่ยอมสร้างโรงแยกก๊าซเพิ่มสาเหตุก๊าซขาดแคลน พร้อมระบุนำเข้า 10% ปีที่แล้วยอด 8,020 ล้าน โยนภาระให้ประชาชนต้องรับในส่วนต่างด้านราคา ขณะที่ปตท.-บริษัทลูกไม่เกี่ยวข้อง ยืนยันปตท.ผูดขาดธุรกิจพลังงานครบวงจร ในช่วงกลางปีผ่านมามีความพยายามจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และกระทรวงพลังงานในการขอขึ้นราคาก๊าซ LPG (LIQUID PETROLEUM GAS) ในประเทศ ซึ่งเหตุผลทุกครั้งในการขอขึ้นคือไทยต้องนำเข้าก๊าซ LPG จากต่างประเทศ และราคาในตลาดโลกก็สูงขึ้นแต่คนไทยยังใช้ในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง ล่าสุดยังมีความพยายามเสนอเรื่องดังกล่าวอีกครั้งในวันที่ 16 ม.ค. 2552 ต่อ คณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ (กทพ.) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน แต่ผลสุดท้ายกพช.ก็ให้ยับยั้งไม่อนุมัติการขอขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (LPG )อีก 2.70 บาท/กิโลกรัม ประเด็นที่ทุกคนให้ความสนใจคือหลังจากที่ปีที่แล้ว LPG ในประเทศขาดแคลนทำให้ไทยต้องนำเข้าถึง 10% โดยมีปตท.เป็นผู้แบกรับสำรองเงินจ่ายไปก่อนกว่า 8,020 ล้านบาทนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ทั้งกระทรวงพลังงานและปตท.ได้พยายามขอขึ้นราคาก๊าซหุงต้มในประเทศในช่วงที่ผ่านมา ถามว่าความเป็นจริงของเรื่องดังกล่าวคืออะไร ก๊าซ LPG ในประเทศขาดแคลนจริงหรือไม่ อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ขาดแคลน 'ภาคครัวเรือน' เป็นจำเลยของสังคมจริงหรือไม่ แล้วโรงแยกก๊าซในประเทศมีเพียงพอจริงหรือ เพราะก๊าซ LPG ในประเทศกว่า 60% มาจากการขุดเจาะที่อ่าวไทยแล้วทำไมคนไทยต้องใช้ราคาก๊าซที่สูงเท่ากับราคาตลาดโลก นี่คือคำถามที่ผู้เกี่ยวข้องตอบ.. เผย 'อุต-ปิโตรฯ' แย่งก๊าซเกือบครึ่ง.! คำถามแรกที่ทุกคนสงสัยและต้องการคำตอบมากที่สุดคือก๊าซ LPG มีเพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศหรือไม่จากขอมูลของกระทรวงพลังงานพบว่า ไทยสามารถผลิตก๊าซ LPG ได้ถึงปีละ 4.05 ล้านตันซึ่งแบ่งได้เป็นการใช้ของภาคครัวเรือนและยานยนต์ประมาณปีละ 2.66 ล้านตันและลดการใช้ลงทุกปีแปลว่ามี LPG เหลือเฟือสำหรับการใช้ในครัวเรือนของไทย แต่ทำไมยังขาดแคลนเพราะมีอีกกลุ่มที่ใช้ LPG มากที่สุดในระดับรองลงมาคือกลุ่มอุตสาหกรรมและปิโตรเคมี กลุ่มนี้มีอัตราส่วนในการใช้ LPG ในประเทศสูงถึง 40.3 % สูงเกือบครึ่งหนึ่งของทั้งหมดที่มีแปลว่าที่ LPG ขาดแคลนในปีที่แล้วส่วนหนึ่งก็มาจากกลุ่มอุตสาหกรรมและปิโตรเคมีใช่หรือไม่ แล้วทำไมทุกครั้งที่มีข่าวว่าก๊าซขาดแคลนกลุ่มคนที่ถูกกล่าวถึงมีเพียงกลุ่มผู้ใช้ครัวเรือนและยานยนต์เท่านั้น ขณะที่การขาดแคลน LPGในประเทศน่าจะมาจากการไม่มีโรงแยกกาซที่ไม่เพียงพอเห็นได้จากก่อนที่ปตท.ได้แปรรูปในตลาดหลักทรัพย์ปตท.ได้เดินหน้าก่อสร้างโรงงานแยกก๊าซไว้ถึง 4 โรงโดยคำนึงประชาชนเป็นหลักในยามที่ขาดแคลน เหมือนที่กฟผ.(การไฟฟ้าฝ่ายผลิต) ที่ต้องคำนวณล่วงหน้าถึงความต้องการใช้ไฟฟ้าในอนาคตเมื่อถึงจุดพีคไฟฟ้าจะได้ไม่ดับ แต่ปตท.เมื่อแปรรูป (1 ธ.ค. 2544)ไปแล้ว ได้สร้างโรงแยกก๊าซเพิ่มขึ้นเพียง 1 โรง เพราะปตท.สามารถคำนวณความต้องการใช้ในประเทศล่วงหน้าได้อยู่แล้ว และในอนาคต ปตท.ก็เชื่อว่าจะมีการขาดแคลนเกิดขึ้น แต่ก็ยังไม่สร้างโรงแยกก๊าซเพิ่มขึ้น เพราะปตท.เกรงว่าจะเป็นการเพิ่มต้นทุนให้บริษัท และต้องคำนึกถึงผู้ถือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เป็นหลัก ซึ่งไม่ใช่ประชาชนเจ้าของประเทศอีกต่อไป ปตท.ไม่สนประชาชน ผู้ถือหุ้นมาก่อน นอกจากนี้ในยามที่ก๊าซ LPG ขาดแคลนมีเสียงเรียกร้องให้สร้างโรงแยกก๊าซเพิ่มขึ้นปตท.กลับต่อรองว่าจะสร้างโรงแยกก๊าซเพิ่มได้แต่ภาครัฐก็ต้องให้ขึ้นราคาก๊าซ LPG เช่นกันแปลว่าปตท.กำลังเอาประชาชนส่วนใหญ่ของเป็นตัวประกันสนองความต้องผู้ถือหุ้นเพียงไม่กี่คนกระนั้นหรือ 'ปัจจุบันการผลิตก๊าซ LPG ของโรงแยกก๊าซ ปตท.มาจากอ่าวไทยทั้งหมดซึ่งในหนึ่งวันมีการนำก๊าซธรรมชาติขึ้นมาวันละประมาณ 2,400 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วันซึ่งหากเทียบกับรัฐอลาสก้าจำนวนดังกล่าวมากกว่า 2 เท่าซึ่งถือว่าเยอะมาก แต่โรงแยกก๊าซของปตท.รองรับได้เพียง 1,7000 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วันเท่านั้น ทำให้ไทยต้องสูญเสียก๊าซธรรมชาติวันละ 600-700 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ซึ่งหากนำส่วนนี้มาผลิตก๊าซ LPG จะได้ก๊าซเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 ล้านตัว/ปีและชดเชยส่วนที่ขาดและต้องนำเข้ามา 10 % ของปี2551 ได้' แหล่งข่าวจากระทรวงพลังงาน ระบุ อย่างไรก็ตามจากกรณีที่ปตท.ต้องแบกรับนำเข้าก๊าซในปีที่ผ่านมาจำนวน 10% คิดเป็นมูลค่ากว่า 8,020 ล้านซึ่งรัฐบาลต้องจ่ายคืนในเดือนเม.ย.นี้ในราคาที่นำเข้ามา 825 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน (27บาท/กิโลกรัม) แต่ในความเป็นจริง เวลาที่นำเข้า 10% ในราคา825 เหรียญสหรัฐฯ/ตันปตท.จะนำมาลบกับตัวเลขผู้ใช้ในประเทศที่ราคา 323 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน (13 บาท/กิโลกรัม) จะเป็นตัวหนี้กองทุนเชื้อเพลิงพลังงานทุกลิตรที่ประชาชนต้องรับผิดชอบ สุดท้ายประชาชน รับกรรมนำเข้า LPG ขณะที่อุตสาหกรรมและปิโตรเคมีที่เป็นบริษัทลูกของเครือปตท.จะซื้อก๊าซจากบริษัทแม่ในราคา 496 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน (16 บาท/กิโลกรัม) ซึ่งต่ำกว่าความเป็นจริงแต่ ปตท.ให้เหตุผลว่าหากอุตสาหกรรมและกลุ่มปิโตรเคมีซื้อในราคาที่นำเข้ามาบริษัทลูกๆเหล่านี้จะเจ๊งได้ และยังยืนยันว่าแม้ตัวเลขที่ซื้อจะน้อยกว่าราคาที่นำเข้ามาแต่ก็ยังสูงกว่าประชาชนผู้บริโภคแต่การที่ปตท.สำรองจ่ายไปก่อนเป็นเงิน 8,020 ล้านบาทเหมือนจะดี แต่เงินที่รัฐบาลจะนำมาจ่ายคืนให้ปตท.ล้วนมาจากภาษีประชาชนทั้งนั้นแปลว่าประชาชนที่ใช้กาซในราคา 323 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน (13 บาท/กิโลกรัม) ต้องแบกรับส่วนต่างที่นำเข้ามาที่825 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน (27บาท/กิโลกรัม) 'พูดง่ายๆว่านำเข้ามามากเท่าไหร่ ประชาชนจะรับผิดชอบแทนเพียงฝ่ายเดียว ทำไมไม่บอกประชาชนว่าประชาชนนั่นแหละแบกรับส่วนต่างราคานำเข้ามาตลอด ปตท.สำรองจ่ายให้ก่อนเท่านั้นแล้วเงินส่วนนี้จะไปตกแก่หลวงหรือว่าผู้ถือหุ้น' แหล่งข่าวคนเดิมระบุ รายงานข่าวจากปตท.แจ้งว่าที่ปี 2552 นี้ปตท.คาดว่าไทยจะต้องนำเข้า LPGประมาณ 1 ล้านตันคิดเป็นภาระนำเข้ากว่า 1 หมื่นล้านบาทโดยปตท.คงไม่สามารถสำรองจ่ายส่วนต่างราคา LPG นำเข้ากับขายในประเทศได้หากครบวงเงินที่บอร์ดฯอนุมัติไว้ 1 หมื่นล้านบาท ไทยจ่าย LPG สูงกว่าตลาดโลก อย่างไรก็ดีแม้การผลิต LPG ในประเทศจะมาจากโรงแยกก๊าซ 60 % ประมาณกว่า 2 ล้านตันกว่าและอีกส่วนจะมาจากโรงกลั่น 40% ประมาณ 1ล้านตันกว่ารวมการผลิตทั้งหมดในประเทศประมาณ 4 ล้านตันเพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศแต่ทำไมกระทรวงพลังงานและปตท.ยังพยายามที่จะขอขึ้นราคาก๊าซ LPG ในประเทศจากราคา 18.30 บาทต่อกิโลกรัมขึ้นเป็นราคา 20 .83 บาทต่อกิโลกรัมขณะที่ราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกก็ลดต่ำลงมาเรื่อยๆโดยราคาในตลาดโลกตอนนี้อยู่ที่ 13.30 บาทต่อกิโลกรัม แล้วคนไทยยังต้องจ่ายราคาค่าก๊าซ LPG ในราคาที่สูงกว่าตลาดโลกซึ่งการผลิตก็ล้วนมาจากทรัพยากรธรรมชาติบนผืนแผ่นไทยทั้งนั้น ประกอบกับก๊าซที่ได้ในประเทศก็ซื้อในราคาที่ต่ำกว่าราคาในตลาดโลก แต่ถึงเวลาจะขายก็อ้างอิงราคาในตลาดโลกตลอดโดยไม่รับผิดชอบต่อประชาชนแต่มุ่งแสวงหากำไรสนองผู้ถือหุ้นจนเกินงาม นอกจากนี้บริษัทปตท. เป็นผู้ประกอบการรายเดียวที่ผูกขาดธุรกิจพลังงานในบ้านเราแบบครบวงจร อาทิ โรงแยกก๊าซ ธุรกิจก๊าซเอ็นจีวี ธุรกิจท่อขนส่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ธุรกิจการกลั่นน้ำมันนั้น (ปตท.เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน 5 โรงจาก 6 โรงกลั่นขนาดใหญ่) ที่มีกำลังการผลิตรวมกันกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนความได้เปรียบในธุรกิจพลังงานบริษัทปตท.สิทธิพิเศษต่างๆ เช่น การผูกขาดการขายน้ำมันและก๊าซให้กับรัฐ การผูกขาดในธุรกิจแยกก๊าซ การผูกขาดในธุรกิจขนส่งก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งได้เปรียบจากจากทรัพย์สินที่โอนไปจากรัฐเมื่อตอนแปรรูปการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยมาเป็นเอกชนอาทิ โครงการก่อสร้างท่อก๊าซ ซึ่งหลังจากแปรรูปฯปตท.ได้เก็บค่าผ่านท่อในแต่ละปีเป็นเงินกว่าหมื่นล้านบาทซึ่งสุดท้ายค่าผ่านท่อนี้ ก็ถูกผลักภาระมาสู่ประชาชนในรูปราคาขายปลีกพลังงานที่สูงขึ้น ดังนั้นจึงกลายเป็นว่าประชาชนซึ่งเดิมมีฐานะเป็นเจ้าของท่อก๊าซเพราะเป็นผู้จ่ายค่าก่อสร้าง กลับจะต้องจ่ายค่าใช้ท่อก๊าซอีกด้วยในปัจจุบัน เสมือนกับเจ้าของบ้านเมื่อลงทุนลงแรงสร้างบ้านของตนเสร็จเรียบร้อย บ้านกลับถูกโอนไปเป็นของคนอื่น ทำให้เจ้าของบ้านต้องกลับมาเช่าบ้านหลังเดิมนี้อีกเพื่ออยู่อาศัย ถึงเวลาหรือยังที่จะให้คนไทยที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของประเทศมีส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตของตัวเอง หรือผูกขาดให้บางบริษัท และนักการเมืองร่วมกันทึ้งประเทศไทยต่อไปอย่างนี้อย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น.![/QUOTE]
Log in with Facebook
Log in with Twitter
Log in with Google
Your name or email address:
Do you already have an account?
No, create an account now.
Yes, my password is:
Forgot your password?
Stay logged in
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Community Car Clubs
>
Toyota Car Clubs
>
RT Club
>
มีข่าวมาฝากเกี่ยวกับ ปตท.
>
Home
Home
Quick Links
Recent Posts
Recent Activity
Authors
Forums
Forums
Quick Links
Search Forums
Recent Posts
Classifieds
Classifieds
Quick Links
Search Classifieds
Recent Activity
Top Rated Traders
Media
Media
Quick Links
Search Media
New Media
Members
Members
Quick Links
Notable Members
Registered Members
Current Visitors
Recent Activity
New Profile Posts
Menu
Search titles only
Posted by Member:
Separate names with a comma.
Newer Than:
Search this thread only
Search this forum only
Display results as threads
Useful Searches
Recent Posts
More...